แท้จริงในทุกค่ำคืนของเดือนรอมฎอน ณ ช่วงเวลาละศีลอดนั้น อัลลอฮ์ผู้ทรงเกริกเกียรติผู้ทรงเกรียงไกร ทรงมีผู้ถูกปลดปล่อยจากไฟนรกจำนวนเจ็ดสิบล้านคน โดยที่ทุกคนสมควรได้รับ (การลงโทษจาก) ไฟนรก
แนวทางที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งในการที่จะได้รับประโยชน์จากช่วงวันต่างๆ ของเดือนรอมฎอนอันจำเริญ และมารยาทตลอดจนการกระทำต่างๆ ที่เหมาะสมในการปฏิบัติสำหรับเดือนแห่งการเป็นแขกของพระผู้เป็นเจ้า คือการทบทวนริวายะฮ์ (คำรายงาน) ต่าง ๆ ที่อธิบายเกี่ยวกับความประเสริฐของเดือนนี้
เมื่อจันทร์เสี้ยวของเดือนรอมฎอนได้ปรากฏขึ้น บรรดาชัยฏอน (ซาตาน) ที่ถูกสาปแช่งจะถูกล่ามโซ่ ประตูแห่งฟากฟ้า ประตูสวรรค์และประตูแห่งความเมตตาของพระเจ้าจะถูกเปิด และประตูนรกจะถูกปิด ประตูนรกจะปิดและดุอาอ์ (การวิงวอนขอ) จะถูกตอบรับ
มนุษย์ในฐานะที่เป็นสิ่งถูกสร้างที่ประเสริฐที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า ก็เช่นเดียวกับสิ่งถูกสร้างอื่นๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากปัจจัยอำนวยสุข (เนี๊ยะอ์มัต) ต่างๆ จากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้าง โดยที่มนุษย์เองไม่มีแม้แต่ความสามารถที่จะนับคำนวณปัจจัยอำนวยสุข (เนี๊ยะอ์มัต) เหล่านั้นของพระองค์ได้
เนี๊ยะอ์มัต (ปัจจัยอำนวยสุขที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้) นั้นคือการทดสอบ ดังนั้นหากท่านรู้คุณ มันจะกลายเป็นขุมทรัพย์ และหากท่านเนรคุณ มันจะกลายเป็นโทษทัณฑ์ ปัจจัยอำนวยสุขทั้งหลายที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้นั้น มันจะเป็นบ่อเกิดของความสุขหรือความสำเร็จได้ด้วยตัวของมันเอง มันเป็นสื่อสำหรับการทดสอบมนุษย์ของพระผู้เป็นเจ้า การทดสอบซึ่งหากมนุษย์ได้ผ่านมันไปได้ด้วยชัยชนะ
ความดีงามทั้งมวล แม้ว่าบางสิ่งจากมันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสักเพียงใดก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่ามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมากมายด้วยคุณค่า ในมุมมองของอิสลามและในหลักคำสอนได้แบ่งระดับความดีงาม ความสวยงาม และความประเสริฐของการกระทำ (อะมั้ล) ทั้งหลายไว้ ผู้ใดที่มุ่งแสวงหาและปฏิบัติในสิ่งที่ดีงามกว่าและสวยงามกว่า เขาก็จะได้รับความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮ์ (ซบ.) และผลตอบแทนจากพระองค์มากกว่ายิ่งๆ ขึ้นไป
อิบาดะฮ์ (การนมัสการและการเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า) ของผู้ถือศีลอดนั้น ก็คือการที่เขาจะอดทนต่อความยากลำบากของความหิวกระหาย เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า โดยที่เขาจะหลีกเลี่ยงจากอาหารทุกอย่างแม้แต่สิ่งที่เป็นที่อนุมัติ (ฮะล้าล) ในเดือนอื่นๆ จากเดือนรอมฎอน ดังนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะกินเนื้อพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้ว!
คำว่า “เราะห์มัต” (ความเมตตา) ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่ง หมายถึง การมอบความดีงามให้แก่ผู้ที่คู่ควรต่อการได้รับความดีงามนั้น ซึ่งจะเป็นไปตามปริมาณและขอบเขตที่เขาสมควรได้รับ หมายความว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งจะทรงประทานความดีงาม (ปัจจัยอำนวยสุขทั้งทางด้านวัตถุและจิตวิญญาณ) ให้แก่ผู้ใดหรือแก่สิ่งใดนั้นขึ้นอยู่กับพื้นฐานความพร้อมและศักยภาพในการรับความดีงามของเขาหรือของสิ่งนั้น
มี 548 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์