การศึกษาวิจัยหนึ่งแสดงให้เห็นว่า ร้อยละ 88 ของชาวอเมริกันที่มีอายุระหว่าง 8 ถึง 18 ปี ติดเกมคอมพิวเตอร์ ซึ่งในจำนวนนี้เด็กผู้ชายมีสัดส่วนมากกว่าเด็กผู้หญิงถึง 4 เท่า แต่ปัญหานั้นมีความลุ่มลึกมาก ปัญหาทางด้านศีลธรรมที่กำลังล่มสลายนี้ เป็นเสมือนโรคมะเร็งที่จะทำลายรากฐานของสังคมของเรา ถ้าหากสถานการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นนี้ หากเรายังคงเพิกเฉย ในที่สุดก็จะทำลายประเทศสหรัฐอเมริกา
คนส่วนใหญ่อาจจะไม่สบายใจหรืออาจจะถึงกับไม่พอใจต่อข้อมูลและสถิติที่ท่านทั้งหลายจะได้อ่านในเนื้อหาต่อไปนี้ เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการเผชิญกับความจริง พวกเขาคิดว่า เราสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยกับการคัดเลือกนักการเมืองที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำงานและสามารถปฏิรูปทางสังคมและเศรษฐกิจ
แต่ปัญหานั้นมีความลุ่มลึกมาก ปัญหาทางด้านศีลธรรมที่กำลังล่มสลายนี้ เป็นเสมือนโรคมะเร็งที่จะทำลายรากฐานของสังคมของเรา ถ้าหากสถานการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นนี้ หากเรายังคงเพิกเฉย ในที่สุดก็จะทำลายประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เป็นที่น่าเศร้าใจที่ความเสื่อมทรามทางศีลธรรมนั้นไปไกลเกินกว่าที่กลุ่มและพรรคการเมืองใดจะสามารถแก้ไขได้ เนื่องจากเป็นปัญหาที่มีอยู่ในท่ามกลางชาวอเมริกันหลายล้านคน และส่วนใหญ่พวกเขาไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรเกี่ยวกับความเสื่อมทรามทางศีลธรรมเพราะ พวกเขาชอบที่จะคิดว่าสหรัฐอเมริกาเป็นแบบอย่างสำหรับชาวโลก ถ้าหากเราพิจารณาดูให้ดีเราจะสามารถเห็นหลักฐานต่างๆ ของการล่มสลายทางศีลธรรมนี้ ในชีวิตประจำวันรอบๆ ตัวเองได้
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้นักเรียนมัธยมปลาย จับมีดและทำร้ายเพื่อนนักเรียนคนอื่น ๆ?
อะไรคือสาเหตุทำให้หญิงเปลือยคนหนึ่งปล้นร้านแมคโดนัลด์ ในรัฐฟลอริดา?
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เด็กผู้ชายวัย 18 ปีสองคน ทำร้ายคนผิดปกติทางจิตวัย 30 ปี จนตายเพื่อแย่งชิงเครื่องเล่นเกมของเขา?
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พ่อคนหนึ่งได้จับเด็กทารกอายุ 6 สัปดาห์ ซึ่งเป็นลูกของตนใส่ลงในตู้แช่แข็งเพื่อไม่ร้องไห้?
หลายคนมองว่า เหตุการณ์เหล่านี้เป็นกรณีพิเศษ แต่อย่างที่ท่านทั้งหลายจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของแนวโน้มขนาดใหญ่ สังคมของเรากำลังถูกทำลายจากภายใน และถ้าเราต้องการที่จะหยุดมัน เราจำเป็นต้องเผชิญหน้าและยอมรับกับความจริงนี้
จงพิจารณาดูกรณีต่างๆ ต่อไปนี้ :
1. ตามการประกาศของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ประมาณหนึ่งในสามของประชากรสหรัฐฯ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
2. ในแต่ละปีมีผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพิ่มขึ้นจำนวนประมาณ 20 ล้านคน
3. สหรัฐอเมริกามีอัตราการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว
4. ประมาณร้อยละ 50 ของผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกปีนั้น อยู่ในวัยระหว่าง 15 ถึง 24 ปี
5. ในแต่ละปีเงินจำนวนประมาณ 16,000 ล้านดอลลาร์จะถูกใช้จ่ายไปเพื่อรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในสหรัฐอเมริกา
6. สหรัฐอเมริกามีอัตราการตั้งครรภ์ที่สูงที่สุดในวัยรุ่นในท่ามกลางประเทศที่พัฒนาแล้ว
7. ปัจจุบันในจำนวนเด็กหญิงวัยรุ่นสี่คน จะมีผู้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หนึ่งคน
8. ในขณะนี้มีผู้กระทำความผิดทางเพศ 747,408 คนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจำนวนดังกล่าวนี้เฉพาะผู้ที่ถูกจับกุมเพียงเท่านั้น
9. เฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนียเพียงอย่างเดียวมีผู้กระทำความผิดทางเพศ 106,216 ราย
10. ร้อยละ18 ของสตรีสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกแธอถูกข่มขืนตลอดช่วงการดำเนินชีวิตของพวกเธอ
11. การข่มขืนมากกว่าร้อยละ 50 เกิดขึ้นในรัศมี 1 ไมล์จากบ้านของผู้ตายหรือผู้ตกเป็นเหยื่อ
12. เยาวชนที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 19 ปีจะตกเป็นเหยื่อของการข่มขืนหรือความพยายามที่จะกระทำชำเรา สามเท่าของผู้หญิงในวัยอื่น
13. ประมาณร้อยละ 60 ของเด็กผู้ชายและร้อยละ 80 ของเด็กผู้หญิงจะเป็นเหยื่อของการทารุณกรรมทางเพศ โดยสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวหรือญาติใกล้ชิดคนหนึ่งของพวกเขา
14. โดยประมาณการณ์ในแต่ละปี 4 คนจากเด็กผู้หญิง จำนวน 1 คน จะถูกทารุณกรรมทางเพศก่อนโตเป็นสาว
15. ร้อยละ 30 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาจะเข้าชมเว็บไซต์ต่างๆ ที่ลามกอนาจาร
16. เด็กนักเรียนมัธยมปลายจะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการเข้าชมเว็บไซต์ลามกอนาจาร
17. หน่วยงานตุลาการประเมินว่าชาวอเมริกันประมาณ 600,000 คนและชาวแคนาดาประมาณ 65,000 คนมีการแลกเปลี่ยนรูปภาพลามกอนาจารของเด็กๆ ผ่านออนไลน์
18. มีการประเมินว่าประมาณร้อยละ 89 ของการผลิตเนื้อหาลามกอนาจารในโลกนี้ เกิดขึ้นจากสหรัฐอเมริกา
19. การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าร้อยละ 25 ของพนักงานที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตในที่ทำงานของพวกเขานั้นจะเข้าดูเว็บไซต์ลามกอนาจาร
20. อัตราการแต่งงานในสหรัฐอเมริกาลดลงมากขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบันจากจำนวนทุก 1,000 คน มีเพียง 7 คนเท่านั้นที่แต่งงาน
21. สหรัฐอเมริกามีอัตราการหย่าร้างสูงที่สุดในโลก
22. ประเทศสหรัฐอเมริกามีอัตราครัวเรือนที่มีสมาชิกเพียงคนเดียวสูงที่สุดในโลก
23. ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกามีเพียงร้อยละ 51 ของประชาชนที่ใช้ชีวิตครอบครัว ในขณะที่ในปี 1960 มีจำนวนร้อยละ 72
24. ในสหรัฐอเมริกามากกว่าครึ่งหนึ่งของเด็กที่เกิดมาจากผู้หญิงอายุต่ำกว่า 30 ปีเป็นลูกนอกสมรส
25. ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกา เด็กประมาณ 1 ใน 3 คน จะมีชีวิตอยู่โดยไม่มีพ่อ
26. นับจากปี ค.ศ.1973 ซึ่งเป็นปีที่การทำแท้งได้กลายเป็นสิ่งถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ จนถึงขณะนี้ ทารกในครรภ์ในสหรัฐฯ ได้ถูกทำแท้งไปแล้วประมาณ 56 ล้านคน
27. จำนวนของทารกในครรภ์ที่ถูกทำแท้งในแต่ละปี มีจำนวนเท่ากับจำนวนรวมของทหารอเมริกันที่เสียชีวิตในสงครามทั้งหมดที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เคยเข้าร่วมมา
28. ชาวอเมริกันประมาณ 3,000 คนเสียชีวิตในเหตุการณ์ 11 กันยายน ปัจจุบันนี้ในแต่ละวันทารกในครรภ์ของสตรีชาวอเมริกันจะถูกทำแท้งจำนวน 3000 ราย
29. ประมาณร้อยละ 41 ของผู้ตั้งครรภ์ในนครนิวยอร์กจะทำแท้ง
30. ประมาณร้อยละ 52 ของผู้ตั้งครรภ์ชาวแอฟริกัน-อเมริกันจะทำแท้ง
31. ทุกๆ ปีร้อยละ 18 ของผู้ที่ทำแท้งจะเป็นวัยรุ่น
32. การศึกษาวิจัยพบว่าร้อยละ 86 ของผู้ที่ทำแท้ง พวกเขาทำเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายแก่ตัวเอง
33. ตามแถลงการณ์ที่ออกโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ( NSA) ในปี 2012 บุคคลที่คัดค้านการทำแท้งนั้นจะถูกนับว่าเป็นผู้ก่อการร้ายได้
34. บางคลินิกทำแท้งนั้นจะขายทารกในครรภ์ที่ถูกทำแท้งไปยังศูนย์วิจัยต่างๆ
35. องค์กร “Planned Parenthood” จะจัดให้มีทำแท้งเป็นประจำทุกปีจำนวน 300,000 ราย
36. องค์กร “Planned Parenthood” ได้กำหนดเป้าหมายไปที่คนยากจน และร้อยละ 72 ของลูกค้าอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ความยากจน
37. การละเมิดทางเพศในหมู่ทหารของสหรัฐฯมีมากขึ้นกว่าเดิม และส่วนใหญ่เป็นเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศของผู้ชายด้วยกัน
38. ในปี 2012 ทหารมากกว่า 85,000 นายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเจ็บป่วยที่เกิดจากการล่วงละเมิดทางเพศเข้ารักษาตัว
39. จำนวนของทหารอเมริกันที่ฆ่าตัวตายในแต่ละปี มีมากกว่าจำนวนทหารที่เสียชีวิตในสงคราม
40. การฆ่าตัวตายของทหารในสหรัฐฯ ในแต่ละวันจะมีสูงถึง 22 ราย
42. สหรัฐอเมริกามีนักโทษจำนวนมากที่สุดในโลก
43. ขณะนี้ 60 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา มีการใช้ประโยชน์จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ 22 ล้านคนใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย
44. ตามการศึกษาวิจัยของคลีนิคมาโย (Mayo) ร้อยละ 70 ของชาวอเมริกันมีการใช้ยาเป็นประจำอย่างน้อยคนละหนึ่งชนิดและร้อยละ 20 ของพวกเขาใช้ยาเป็นประจำอย่างน้อย 5 ชนิด
45. ชาวอเมริกันใช้จ่ายเงินสำหรับการซื้อยามากกว่า 28,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี
46.ตามการประกาศของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) บรรดาแพทย์ในสหรัฐฯ ได้ออกใบสั่งยาต้านอาการซึมเศร้าในแต่ละปีจำนวน 250 ล้านใบ
47. ปัจจุบัน 70 ล้านคนในสหรัฐฯ กำลังใช้ยาจิตเวช (ยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท)
48. เด็ก ๆ ในสหรัฐอเมริกามีภาวะซึมเศร้ามากกว่าเด็กในยุโรป 3 เท่า
49. สหรัฐอเมริกามีอัตราการใช้ยาที่ผิดกฎหมายมากที่สุดในโลก
50. จำนวนผู้เสพติดเฮโรอีนในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2002
51. จำนวนผู้เสียชีวิตจากการใช้เฮโรอีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 84 เมื่อเทียบกับปี 2010
52. สหรัฐอเมริกามีอัตราการเป็นโรคอ้วนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
53. ในปี 1962 มีเพียงร้อยละ 13 ของชาวอเมริกันที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วนซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 42 ในปี 2030
54. ตามการประกาศของเอฟบีไอ (FBI) ผู้กระทำผิดมากกว่า 1.4 ล้านคน มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ใน 33,000 แก๊งค์
55. อัตราการเกิดอาชญากรรมในสหรัฐอเมริกาในปี 2012 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีต่างๆ ก่อนหน้านี้
56. เด็กหนุ่มชาวอเมริกันจะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 10,000 ชั่วโมงในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 21 ปี
57. ผลการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าร้อยละ 88 ของชาวอเมริกันที่มีอายุระหว่าง 8 ถึง 18 ปี ติดเกมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเด็กผู้ชายจะมีจำนวนมากกว่าเป็น 4 เท่าเมื่อเทียบกับเด็กผู้หญิง
58. ในปัจจุบันเด็กนักเรียนวัย 15 ปี ที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนของรัฐในสหรัฐฯ มีความรู้น้อยในด้านวิทยาศาสตร์เชิงประจักษ์และทางคณิตศาสตร์มากกว่าเด็กเยาวชนในวัยเดียวกันในประเทศอื่นๆ ที่พัฒนาแล้ว
59. ในแต่ละปีจะมีรายงานการข่มขืนมากกว่า 3 ล้านฉบับในสหรัฐอเมริกา
60. ประมาณหนึ่งในห้าของคนอเมริกันไม่มีความเชื่อทางศาสนา ตัวเลขดังกล่าวในปี 1972 มีเพียงร้อยละ 7
61. ร้อยละ 73 ของผู้ที่ไม่มีความเชื่อทางศาสนาเห็นด้วยกับการแต่งงานของเกย์และร้อยละ 72 ของพวกเขาเห็นด้วยกับการทำแท้ง
62. จำนวนคนที่ไม่นับถือศาสนาในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับปี 1990 ถึงปี 2008
63. ประมาณร้อยละ 60 ของคริสเตียนอายุระหว่าง 15 ถึง 29 ปีจะไม่ไปโบสถ์อีกต่อไป
64. คาดการณ์ว่า ในปี 2050 จำนวนชาวอเมริกันที่ไปโบสถ์จะลดลงครึ่งหนึ่งของจำนวนในขณะนี้
65. จากการศึกษาวิจัย ร้อยละ 46 ของชาวอเมริกัน ไม่ได้คิดเกี่ยวกับการจะได้ไปสวรรค์หรือไม่
ที่มา : มัชริกนิวส์ (แฟ้มข้อมูล ปี 2017)
Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่