เบนจามิน เนทันยาฮูประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า : "สงครามจะไม่หยุดลง หากปราศจากการทำลายกลุ่มฮามาส" แต่โจ ไบเดน กล่าวในวันนี้ว่า : “การทำสงครามต่อไปในฉนวนกาซาหมายถึงการตอบสนองข้อเรียกร้องของฮามาส และนั่นคือ สิ่งที่ฮามาสต้องการ”
ตามรายงานของมัชริก มุฮัมมัดมัด อีมานี ได้ตีพิมพ์บทความลงในช่อง Eitaa ของเขา ในหัวข้อเรื่อง : "สรุปสภาพการณ์อเมริกาและอิสราเอล ; 54 วันหลังจากพายุอัล-อักซอ" โดยเขียนว่า :
เบนจามิน เนทันยาฮูประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า : "สงครามจะไม่หยุดลง หากปราศจากการทำลายกลุ่มฮามาส" แต่โจ ไบเดน กล่าวในวันนี้ว่า : “การทำสงครามต่อไปในฉนวนกาซาหมายถึงการตอบสนองข้อเรียกร้องของฮามาส และนั่นคือ สิ่งที่ฮามาสต้องการ”
ฝ่ายบริหารของไบเดน มีอำนาจในการบริหารจัดการอาชญากรรมสงครามต่อประชาชนในฉนวนกาซา และไม่ยอมให้การทิ้งระเบิดยุติลง แต่เมื่อการโจมตีของแนวรบต่อต้านรุนแรงขึ้นจากเลบานอน อิรัก และเยเมน สมการก็เปลี่ยนไป การผสานการโจมตีเหล่านี้ได้ทำลายความเป็นมหาอำนาจอายุ 70 ปี ของสหรัฐอเมริกา มากกว่าอิสราเอล
ความหมายของคำพูดของไบเดน ก็คือ ฮามาสมีความเหนียวแน่นมั่นคงอย่างสมบูรณ์ และความปรารถนาของอิสราเอลที่จะทำลายฮามาสถือเป็นการคุยโวมากเกินจริง
ในเวลาเดียวกัน เพนตากอนได้ประกาศด้วยสำนวนโวหารผสมกับความดีใจว่า "นับตั้งแต่เริ่มข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา กองกำลังสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรีย ยังไม่ถูกโจมตีเลย" ฐานทัพเหล่านี้ถูกโจมตีอย่างน้อย 71 ครั้ง และทำให้มีความสูญเสียทางชีวิตและความเสียหายทางวัตถุเป็นวงกว้าง
นี่ก็คือรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เคยโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูโดยอ้างว่า โจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ในสงครามโลกครั้งที่สอง และบังคับให้ญี่ปุ่นยอมจำนน และรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้ยึดครองอัฟกานิสถานและอิรักในระยะเวลาที่ห่างกันเพียงสองปี โดยใช้เหตุการณ์ 11 กันยายนเป็นข้ออ้าง
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากการก่ออาชญากรรมในฉนวนกาซาไม่กี่สัปดาห์ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ และได้เปลี่ยนชื่อเสียงของระบอบไซออนิสต์ในโลกที่หลงเหลืออยู่ให้เป็นการแสดงออกถึงความรังเกียจของนานาประเทศ และความแตกแยกในอิสราเอลเกี่ยวกับการดำเนินต่อไปหรือการยุติของสงครามได้ทวีความรุนแรงขึ้น
การดำเนินต่อไปของสงคราม จะเพิ่มความเกลียดชังต่อทั่วโลกมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะเพิ่มความเสียหายที่รุนแรงต่ออิสราเอลมากขึ้น ความเสียหายที่อาจทำให้เป้าการโจมตีหรือยึดเรือพาณิชย์บางลำของอิสราเอลหรือการโจมตีท่าเรือไอลัต ทางตอนใต้และลึกเข้าไปในเขตแดนทางเหนือนั้น กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับมัน
ขณะเดียวกัน การประกาศหยุดยิงโดยไม่สามารถยึดครองฉนวนกาซาหรือทำลายกลุ่มฮามาส และหยุดการโจมตีด้วยจรวดได้นั้น ถือเป็นการยอมรับความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง อิตามาร์ เบน โกเวอร์ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงภายในของอิสราเอลกล่าวเมื่อวานนี้ว่า : "การยุติสงครามกับฉนวนกาซาหมายถึงการยุบรัฐบาลอิสราเอลที่นำโดย เนทันยาฮู"
นายพลจัตวา ยอสซี โคเปอร์วาสเซอร์ อดีตหัวหน้าฝ่ายวิจัยข่าวกรองทางทหารของกองทัพอิสราเอล บอกกับบีบีซีว่า : "สงครามในฉนวนกาซาถือเป็นความล้มเหลวที่น่าอับอาย สถาบันข่าวกรองของเราทั้งหมดล้มเหลว"
ในเวลาเดียวกัน นายพลสำรอง "อิสราเอล ซิเวห์" กล่าวว่า : "หากกลุ่มฮามาสหยุดยั้งสงครามได้สำเร็จ ก็จะได้รับชัยชนะ ความสำเร็จของปฏิบัติการเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญมากของโลกอาหรับ กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ และแกนของอิหร่าน ฮามาสจะรักษาอำนาจของตนไว้ได้ และมีตัวประกันอยู่ในครอบครอง นั่นหมายความว่าเขาได้รับชัยชนะแลัว"
ตามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไซออนิสต์และผู้สนับสนุนของพวกเขาเชื่อว่า ไม่ว่าสงครามจะดำเนินต่อไปหรือการหยุดยิงจะดำเนินต่อไป กลุ่มฮามาสและพันธมิตรจะได้รับชัยชนะในสนาม สนามที่พวกเขาต่อสู้ไม่เพียงแต่กับกองทัพอาชญากรไซออนิสต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอเมริกาและนาโต (อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี) ด้วย
ปฏิบัติการพายุอัล-อักซอเมื่อ 54 วันที่แล้ว ได้ทำลายแผนการและแผนงานเก่าแก่หลายทศวรรษของอเมริกาและอิสราเอลลงอย่างสิ้นเชิง
ที่มา : สำนักข่าวมัชริก
Copyright © 2023 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่