การเริ่มต้นเดินทางจากมะดีนะฮ์ไปยังมักกะฮ์ ของอิมามฮุเซน (อ.)
การเริ่มต้นเดินทางจากมะดีนะฮ์ไปยังมักกะฮ์ ของอิมามฮุเซน (อ.)

ทำไมอิมามฮุเซน (อ.) จึงเริ่มต้นการเดินทางจากมะดีนะฮ์ไปยังมักกะฮ์?

     หนึ่งในประเด็นที่นับว่ามีความสำคัญอย่างมากในประวัติศาสตร์ของชีอะฮ์ นั่นคือ ประเด็นการเดินทางของท่านอิมามฮุเซน (อ.) จากนครมะดีนะฮ์มุ่งสู่นครมักกะฮ์ และหลังจากนั้นคือการเคลื่อนขบวนจากนครมักกะฮ์มุ่งสูเมืองกูฟะฮ์ การยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) นับว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของชีอะฮ์ และของอิสลาม เนื่องจากการยืนหยัดต่อสู้ครั้งนี้เป็นสื่อทำให้อิสลามอันบริสุทธิ์ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ถูกรักษาไว้จากจากความเบี่ยงเบนต่างๆ

เหตุการณ์การเอาบัยอัต (สัตยาบัน) จากอิมามฮุเซน (อ.) ให้แก่ยะซีด

     ในช่วงครึ่งหลังของเดือนร่อญับ ฮ.ศ. 60 หลังจากการตายของมุอาวิยะฮ์ ยะซีดผู้เป็นบุตรชายได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งถึงวะลีด บินอุตบะฮ์ (ผู้ปกครองแห่งมะดีนะฮ์) โดยได้ขอให้เขาบังคับเอาสัตยาบัน (บัยอัต) อย่างเด็ดขาดจากบุคคลสามคนที่ต่อต้านเขา หนึ่งในนั้นคือท่านอิมามฮุเซน (อ.) โดยกล่าวว่า :

اما بعد فخذ حسيناً و عبداللَّه بن عمر و عبداللَّه بن الزبير بالبيعة اخذاً شديداً ليست فيه رخصة حتي يبايعوا و السلام

”จงบังคับเอาสัตยาบันจากฮูเซน อับดุลลอฮ์ อิบนิอุมัร และอับดุลลอฮ์ อิบนิซุบัยร์ อย่างเด็ดขาดและไม่มีข้อผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าพวกเขาจะให้สัตยาบัน วัสสะลาม” (1)

     วะลีด บินอุตบะฮ์ (ผู้ปกครองแห่งเมดินามะดีนะฮ์) เมื่อได้รับคำสั่งดังกล่าว ก็เชิญตัวท่านอิมามฮุเซน (อ.) มาพบเพื่อที่จะเอาสัตยาบันจากท่านให้กับยะซีด ท่านอิมาม (อ.) ได้กล่าวกับเขาว่า :

ايها الامير! انّا اهل بيت النّبوّه، و معدن الرّساله، و مختلف الملائكه، بنا فتح الله و بنا ختم الله، و يزيد رجل فاسق، شارب الخمر، قاتل النفس المحترمه، معلن بالفسق، و مثلي لا يبايع مثله، ولكن نصبح و تصبحون، و ننظر و تنظرون أيّنا أحق بالخلافه و البيعه؟

“โอ้ อมีร แท้จริงเราคือครอบครัวของท่านศาสดา และเป็นแหล่งกำเนิดของสาส์นแห่งพระผู้เป็นเจ้า ครอบครัวของเราคือสถานที่ไปมาหาสู่ของบรรดามลาอิกะฮ์ และเป็นสถานที่ลงมาของความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงให้อิสลามเริ่มต้นจากครอบครัวของเรา และด้วยครอบครัวของเราเช่นกันที่พระองค์ทรงทำให้อิสลามดำเนินไปสู่จุดหมาย ส่วนยาซีด (คนที่เจ้าหวังจะให้ฉันให้สัตยาบันต่อเขานั้น) คือผู้ที่เสพสุรา ผู้ที่ฆ่าสังหารชีวิตอันบริสุทธิ์ เขาคือผู้ทำลายบทบัญญัติต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นผู้ละเมิดและกระทำบาปอย่างเปิดเผยต่อหน้าประชาขน สมควรแล้วหรือทีสถานภาพอย่างฉันจะให้สัตยาบันต่อบุคคลที่ก่อการละเมิดและอธรรมเยี่ยงยาซีด และในสภาพการเช่นนี้เราจงดูกันต่อไปเถิด และจะได้ประจักษ์ว่า ใครคือบุคคลที่สมควรและเหมาะสมยิ่งต่อตำแหน่งการเป็นผู้ปกครองและเป็นผู้นำของประชาชน และใครคือผู้ที่เหมาะสมยิ่งต่อการให้สัตยาบันของประชาชน”

     วะลีด บินอุตบะฮ์ เนื่องจากมีลักษณะเป็นผู้ที่รักความสงบ แม้ไม่พร้อมที่จะทำให้มือของตนเปื้อนไปด้วยเลือดของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ก็ตาม (2) แต่ทว่าในมะดีนะฮ์นั้นผู้ที่เป็นวงศ์วานของบนีอุมัยยะฮ์ อย่างเช่นมัรวาน บินหะกัม ที่คอยให้คำปรึกษาหารือแก่วะลีดในกรณีที่เป็นเรื่องสำคัญและยากต่อการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีเช่นนี้ มัรวานได้กดดันวะลีดอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อให้เขาทำการสังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) ตั้งแต่เริ่มแรกที่จดหมายของยะซีดมาถึง เมื่อวะลีดได้ขอคำปรึกษาจากมัรวาน มัรวานได้กล่าวกับเขาว่า “ฉันเห็นว่าท่านควรจะส่งคนไปตามตัวบุคคลเหล่านี้มาพบ และบังคับให้พวกเขาให้สัตยาบันต่อยะซีดตอนนี้เลย และท่านจงปฏิบัติตามคำสั่งของยะซีด และหากพวกเขาผ่าฝืน ท่านก็จงตัดศีรษะของพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะล่วงรู้ถึงข่าวการเสียชีวิตของมุอาวิยะฮ์ เพราะหากพวกเขาล่วงรู้ถึงข่าวการเสียชีวิตของมุอาวิยะฮ์แล้วแต่ละคนก็จะแยกตัวไป และจะทำการต่อต้านและเรียกร้องเชิญชวนประชาชนมาสู่ตนเอง” (2)

     เมื่อมัรวาน บินหะกัมได้เรียกร้องให้ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ให้สัตยาบัน (บัยอัต) ต่อยะซีด ท่านอิมาม (อ.) ได้กล่าวว่า :

انا لله و انا اليه راجعون و علي الاسلام السلام اذ قد بليت الامة براع مثل يزيد و لقد سمعت جدي رسول الله(ص) يقول: الخلافه محرمه علي آل ابي سفيان فاذا رأيتم معاوية علي منبري فابقروا بطنه و قد رآه اهل المدينة علي المنبر فلم يبقروا فابتلاهم الله بيزيد الفاسق

“แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และยังพระองค์เท่านั้นที่เรากลับคืนสู่ อิสลามจะต้องพบจุดจบเมื่อประชาชาติได้ถูกทดสอบด้วยผู้ปกครองเยี่ยงยะซีด แท้จริงฉันได้ยินจากท่านศาสนทูต (ซ็อลฯ) ปู่ของฉันได้กล่าวว่า อำนาจการปกครองนั้นเป็นที่ต้องห้ามสำหรับวงศ์วานแห่งอบูซุฟยาน ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่พวกท่านพบเห็นมุอาวียะฮ์ขึ้นสู่มิมบัรของฉัน พวกท่านก็จงทะลวงท้องของเขาเสีย แล้วชาวมะดีนะฮ์ก็ได้เห็นเขาขึ้นสู่มิมบัรของท่านศาสนทูต (ซ็อลฯ) แต่พวกเขาก็มิได้ทะลวงท้องมุอาวียะฮ์แต่ประการใด ดังนั้นอัลลอฮ์ (ซบ.) จึงทรงลงโทษพวกเขาด้วยยะซีดผู้ละเมิด (ซึ่งเลวร้ายยิ่งกว่ามุอาวียะฮ์)”

(อัลลุฮุฟ หน้า 20 ; มุซีรุล อะฮ์ซาน หน้า 10 ; มักตัล อาวาลิม หน้า 53 ; มักตัล คอวาริซมีย์ เล่ม 1 หน้า 185)

     ในคืนวันที่ 28 ร่อญับ ฮ.ศ. 60 ภายหลังจากการซิยาเราะฮ์อำลาหลุมฝังศพของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ผู้เป็นตาแล้ว ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้เดินทางออกจากนครมะดีนะฮ์มุ่งสู่นครมักกะฮ์ พร้อมกับคนส่วนใหญ่จากครอบครัวของท่านและสาวกบางคน

     ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้มองเห็นสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยที่จะแสดงการต่อต้านและการยืนหยัดต่อสู้อย่างเปิดเผย ประกอบกับการได้ตระหนักแล้วว่าชีวิตของท่านกำลังตกอยู่ในอันตรายในเมืองนี้โดยไม่สามารถที่จะทำการเคลื่อนไหวใดๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจเดินทางไปจากเมืองนี้ และโองการอัลกุรอานที่ท่านอิมาม (อ.) ได้อ่านในขณะออกเดินทางจากนครมะดีนะฮ์นั้นได้เผยให้เห็นเป็นอย่างดีว่า การตัดสินใจละทิ้งไปจากเมืองนี้เกิดจากการตระหนักถึงความไม่ปลอดภัยของตัวท่านเอง

فَخَرَجَ مِنْهَا خَائِفاً يَتَرَقَّبُ قَالَ رَبِّ نَجِّنِي مِنَ الْقَوْمِ الظَّالِمِينَ

“ดังนั้นเขา (มูซา) จึงได้หลบหนีออกจากเมืองนั้น ในสภาพของผู้ที่มีความหวาดกลัว อีกทั้งระแวดระวัง และเขาได้วิงวอนว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ โปรดทำให้ข้าพระองค์ปลอดภัยจากกลุ่มชนผู้ทุจริตเหล่านี้ด้วยเถิด”

(บทอัลกอศ็อศ โองการที่ 21)

เหตุผลที่ท่านอิมาม (อ.) เลือกเดินทางไปยังมักกะฮ์

  1. ขณะนั้นประชาชนของเมืองต่างๆ ยังไม่ล่วงรู้ถึงข่าวการตายของมุอาวิยะฮ์ และบรรดาผู้ต่อต้านยังไม่ได้เริ่มต้นความพยายามใดๆ อย่างจริงจังในการแสดงการคัดค้านต่อต้านยะซีด
  2. ยังไม่มีประชาชนจากเมืองอื่นๆ อย่างเช่นเมืองกูฟะฮ์เชื้อเชิญท่านไปยังพวกเขา
  3. ท่านอิมาม (อ.) จำเป็นต้องเลือกสถานที่ที่ท่านจะอพยพไป โดยที่ในสถานที่แห่งนั้นท่านจะสามารถแสดงทัศนะและมุมมองต่างๆ ของตนเองได้อย่างเสรีและมีความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ และตามโองการอัลกุรอานที่กล่าวว่า :

وَمَنْ دَخَلَهُ كَانَ آمِنًا

“และผู้ใดได้เข้าไปในมัน เขาก็เป็นผู้ปลอดภัย” (บทอาลิอิมรอน โองการที่ 97)

      จึงนับได้ว่านครมักกะฮ์คือสถานที่ที่มีความปลอดภัยที่สุด

  1. เมื่อพิจารณาถึงการที่ชาวมุสลิมจะหลั่งไหลกันมาจากทั่วทุกสารทิศจากดินแดนต่างๆ ของอิสลามเพื่อประกอบพิธีอุมเราะฮ์ และเป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะถึงฤดูการของพิธีฮัจญ์ ท่านอิมามฮุเซน (อ.) จะสามารถพบปะกับกลุ่มชนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และสามารถที่จะอธิบายแก่พวกเขาถึงสาเหตุในการคัดค้านต่อต้านยะซีดและระบอบการปกครองของบนีอุยยะฮ์ และ ณ ที่แห่งนั้นยังสามารถติดต่อสัมพันธ์กับกลุ่มชนจากเมืองต่างๆ อย่างเช่น กูฟะฮ์และบัศเราะฮ์ได้เป็นอย่างดี

      และท้ายที่สุด ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้อธิบายถึงเหตุผลและเป้าหมายในการเดินทางออกจากนครมะดีนะฮ์ไว้ในคำสั่งเสียของท่านเช่นนี้ว่า :

“แท้จริงฉันมิได้ออกมาเพื่อก่อการละเมิดและความทระนง ฉันมิได้มาเพื่อก่อความเสียหายและความอธรรมแต่อย่างใด ฉันมาเพื่อสร้างความดีงามในหมู่ประชาชาติของปู่ของฉัน ฉันปรารถนาในการกำชับความดีและห้ามปรามความชั่ว ฉันปรารถนาที่จะดำเนินรอยตามแนวทางของปู่ของฉันและบิดาของฉัน คืออะลี บินอบีฏอลิบ ดังนั้นบุคคลใดที่สนองตอบต่อฉันด้วยการยอมรับสัจธรรม ดังนั้นอัลลอฮ์ (ซบ.) เป็นผู้ทรงเหมาะสมยิ่งต่อสัจธรรม และบุคคลใดก็ตามที่ต่อต้านฉันโดยไม่ยอมรับการเรียกร้องของฉัน ฉันจะอดทนจนกว่าอัลลอฮ์ (ซบ.) จะทรงตัดสินระหว่างฉันกับบุคคลเหล่านั้น และพระองค์คือผู้ทรงเป็นเลิศที่สุดในบรรดาผู้ตัดสินทั้งหลาย และนี้คือคำสั่งเสียของฉันที่มียังเจ้า โอ้น้องรักของฉัน ไม่มีความสำเร็จใดๆ ที่ฉันจะได้รับนอกจากด้วยการช่วยเหลือของอัลลอฮ์ (ซบ.) เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่ฉันมอบหมาย และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่ฉันจะกลับคืนสู่”

ท่านอิมามฮุเซน (อ.) เดินทางถึงนครมักกะฮ์ในคืนวันศุกร์ที่สามของเดือนชะอ์บาน ฮ.ศ.60 และจวบจนถึงวันที่แปดของเดือนซุลฮิจญะฮ์ของปีเดียวกัน ท่านได้เคลื่อนไหวอยู่ในเมืองนี้ (4)


เชิงอรรถ :

(1) วักอะตุฏฏ็อฟ, หน้า 75

(2) อัลฟุตูห์, อิบนุ อะอ์ซัม, เล่มที่ 5, หน้า 12 ; วักอะตุฏฏ็อฟ, หน้า 81

(3) วักอะตุฏฏ็อฟ, หน้า 77

(4) วักอะตุฏฏ็อฟ, หน้า 88


บทความ : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 622 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

26250231
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
1592
7990
27098
26182758
102937
177228
26250231

พฤ 19 มิ.ย. 2025 :: 02:53:55