ครรลองจริยธรรม

มาตรวัดที่มีชื่อว่า อัมมาร บินยาซีรวันที่ 9 ของเดือนซอฟัร เป็นวันครบรอบการเป็นชะฮีดของท่านอัมมาร บินยาซีร สาวกผู้สูงศักดิ์ของท่านศาสทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) และสหายผู้ซื่อสัตย์ของท่านอะมีรุลมอ์มินีน อะลี บินอบีฏอลิบ (อ.) ท่านเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ ที่ศรัทธาในศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) และยาซิรบิดาของท่านและซุมัยยะฮ์ มารดาของท่านเป็นหนึ่งในบรรดาชะฮีด (มรณะสักขี) กลุ่มแรกของอิสลาม...

      “ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ชี้ถึงรางวัลที่ยิ่งใหญ่สามประการของการพยาบาลและการดูแลผู้ป่วย ชึ่งหนึ่งในรางวัลเหล่านั้นคือการช่วยเหลือของบรรดาทูตสวรรค์ (มลาอิกะฮ์) ในการผ่านข้ามความน่าสะพรึงกล้วต่างๆ ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพไปสู่สรวงสวรรค์”

โองการต่างๆ ของคัมภีร์อัลกุรอานและบรรดาฮะดีษของอะฮ์ลุลบัยติ์ (อ.) ชี้ให้เห็นว่าการคุกคามและการทำร้ายผู้อื่นนั้นไม่เพียงจะนำไปสู่โทษทัณฑ์ในปรโลกเท่านั้น แต่ยังจะทำให้ชีวิตทางโลกนี้เป็นเหมือนนรกที่ที่จะนำความทุกข์ยากมาสู่มนุษย์...

ความดี (อะมั้ล) และการศรัทธา ที่จะเป็นที่ยอมรับจากพระผู้เป็นเจ้าการไม่กระทำบาป การระวังรักษาจิตใจให้อยู่ในความสะอาดบริสุทธิ์ การดำรงตนอยู่ในความสำรวมตน การมีตักวา (ความยำเกรงพระผู้เป็นเจ้า) และการมีจิตมุ่งตรงต่อพระผู้เป็นเจ้า คือส่วนหนึ่งจากเงื่อนไขในการการตอบรับการกระทำความดี (อะมั้ล) ของมนุษย์ ดังนั้นใครก็ตามที่แม้เขาจะกระทำนมาซ แต่ในขณะเดียวกันเขายังกระทำบาป ยืนกรานในการกระทำดังกล่าวและไม่กลับเนื้อกลับตัว (เตาบะฮ์) ความชั่วและความผิดบาปนั้นจะเป็นสาเหตุทำให้การนมาซของเขาไม่ถูกยอมรับจากพระผู้เป็นเจ้า แม้ว่าในแง่ของศาสนบัญญัตินั้นการนมาซของเขาจะถูกต้องและไม่จำเป็นต้องกระทำชดเชย (กอฎออ์) ก็ตาม

สองทางนำ สองทางเลือกผู้นำสู่ความสมบูรณ์ และความสูงส่งทางด้านจิตวิญญาณ   ในทุกยุคและทุกๆ ช่วงเวลาในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ ทั้งในฝ่ายของธรรมะและฝ่ายอธรรม จะพบว่ามีบุคคลจำนวนหนึ่งที่แสดงตนขึ้นมาเพื่อรับบทบาทการเป็นผู้นำของกลุ่มชนในฝ่ายของตน บุคคลที่อยู่ในฝ่ายธรรมะคืออิมาม (ผู้นำ) แห่งทางนำ ส่วนบุคคลที่อยู่ในฝ่ายตรงข้ามคืออิมาม (ผู้นำ) แห่งความหลงผิด

จริยธรรมทางการเมืองและการปกครอง ในมุมมองของอิมามซอดิก (อ.)ในการเปรียบเทียบระหว่างแนวทางของอะฮ์ลุลบัยติ์ (อ.) กับการปกครองของบนีอุมัยยะฮ์นั้น ท่านอิมามซอดิก (อ.) ได้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างมากมาย โดยกล่าวว่า : "อย่ากดดันประชาชน คุณไม่รู้หรือว่ากฎของอูไมแยดนั้น มีทั้งดาบและพละกำลังและแรงกดดันและการกดขี่ ......

เหตุใดเมื่อมีการระบาดของไวรัสโคโรนาอะมั้ลที่เป็นมุสตะฮับบางอย่างจึงเป็นที่ต้องห้ามเมื่อใดก็ตามที่โรคติดต่อเกิดการแพร่ระบาด การอิบาดะฮ์ในรูปของญะมาอัต (การกระทำร่วมกันเป็นหมู่คณะ) และอะมั้ลที่เป็นมุสตะฮับ (สุนัต) ทั้งหมด ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการแพร่กระจายของโรคนั้นจะกลายเป็นฮะรอม (ต้องห้าม)....

เนื่องด้วยสาเหตุจากการโกหก ทำให้มนุษย์กลายเป็นศัตรูกับมลาอิกะฮ์ การกระทำชั่วบางประการจะนำพามนุษย์ไปสู่ความชั่วและบาปอื่นๆ อย่างเช่นการโกหกมดเท็จ ซึ่งเป็นไปได้ว่า ด้วยกับการโกหกอย่างหนึ่งสามารถจะทำให้คนเราโกหกและกระทำสิ่งที่เป็นบาปอื่นๆ มากยิ่งขึ้น.....

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 123 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

26888003
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
528
6284
36931
26790322
31574
231051
26888003

ส 06 ก.ย. 2025 :: 01:40:25