การกลับคืนสู่พระผู้เป็นเจ้า ของบุตรีท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)
การกลับคืนสู่พระผู้เป็นเจ้า ของบุตรีท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)

ภายหลังจากการจากไปของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) เพียง 95 วัน ในที่สุดวันที่ 3 ของเดือนญะมาดุซซานี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ญุมาดัลอาคิเราะฮ์ หรือ ญุมาดัลอาคิร ปีฮิจญ์เราะฮ์ศักราชที่ 11 ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) ได้เรียกขอน้ำเพื่อที่จะใช้ในการชำระล้างและทำความสะอาด (ฆุซุล) ร่างกายของตนเอง หลังจากนั้นท่านได้สวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่และนอนลงบนที่นอน และใช้ผ้าสีขาวคลุมบนเรือนร่างของตนเอง เวลาผ่านไปไม่นานนัก บุตรีของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ก็ได้อำลาจากโลกนี้ไป

    ในที่สุดวันที่ 3 ของเดือนญะมาดุซซานี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ญุมาดัลอาคิเราะฮ์ หรือ ญุมาดัลอาคิร ปีฮิจญ์เราะฮ์ศักราชที่ 11 ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) ได้เรียกขอน้ำเพื่อที่จะใช้ในการชำระล้างและทำความสะอาด (ฆุซุล) ร่างกายของตนเอง หลังจากนั้นท่านได้สวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่และนอนลงบนที่นอน และใช้ผ้าสีขาวคลุมบนเรือนร่างของตนเอง เวลาผ่านไปไม่นานนัก บุตรีของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ก็ได้อำลาจากโลกนี้ไป ตามทัศนะที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปนั้น ท่านหญิงมีอายุไม่เกิน 18 ปี และตามทัศนะที่แข็งแรงที่สุดนั้น ท่านหญิงได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ภายหลังจากการจากไปของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) เพียง 95 วัน

    หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) ประชาชนชาวมะดีนะฮ์ต่างมารวมตัวกันอยู่รอบๆ บ้านของท่านหญิง และต่างรอคอยที่จะร่วมพิธีส่งศพและการฝังศพของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) แต่มีการประกาศขึ้นว่า การฝังศพของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) ถูกเลื่อนเวลาออกไป ด้วยเหตุนี้ประชาชนต่างพากันแยกย้ายกลับสู่บ้านของตนเอง เมื่อเวลาค่ำคืนมาถึงและดวงตาของประชาชนได้หลับลง อิมามอาลี (อ) ได้จัดการอาบน้ำมัยยิต (ฆุซุล) แก่เรือนร่างอันบริสุทธิ์และได้รับความทุกข์ทรมานของภรรยาของท่านตามคำสั่งเสีย (วะซียัต) ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) โดยปราศจากการเข้าร่วมของประชาชน และหลังจากเสร็จสิ้นการอาบน้ำมัยยิต ท่านได้จัดการห่อศพให้กับท่านหญิงฟาติมะฮ์ (อ)

     อิมามอาลี (อ) ได้ใช้ให้อิมามฮาซัน (อ) และท่านอิมามฮุเซน (อ) (ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเด็กอยู่) ไปแจ้งข่าวแก่บรรดาสาวก (ซอฮาบะฮ์) ของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ที่ท่านหญิงมีความพึงพอใจต่อพวกเขา เพื่อให้มาร่วมในการฝังศพของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) (และบุคคลเหล่านั้นมีจำนวนไม่เกิน 7 คน) ภายหลังจากที่บุคคลเหล่านั้นได้มารวมตัวกัน ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน (อ) ได้ทำนมาซให้กับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) และต่อจากนั้นอิมามอาลี (อ) ได้จัดการฝังร่างของท่านหญิงซะฮ์รอ (อ) ลงสู่พื้นดิน ท่ามกลางความทุกข์ระทมและความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาลูกๆ ตัวน้อยของท่าน ซึ่งแอบร้องไห้เนื่องจากการจากไปของมารดาผู้ที่เยาว์วัยของตน เมื่อการฝังร่างของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) เสร็จสิ้นลง ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน (อ) ได้หันหน้าไปทางหลุมฝังศพของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) พร้อมกับกล่าวว่า

     “ความศานติพึงมีแด่ท่าน โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) (เป็นคำวอนของ) จากข้าพเจ้าและจากบุตรีของท่าน ซึ่งร่างของเธอถูกฝังลงอย่างสงบเคียงข้างท่าน และได้ติดตามท่านไปในระยะเวลาที่รวดเร็ว

     โอ้ ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ความอดทนอดกลั้นของข้าพเจ้าต่อการจากของผู้เป็นที่รักของท่าน ช่างลดน้อยลงเสียเหลือเกิน ข้าพเจ้าแทบจะสิ้นสลายลงพร้อมกับการจากของเธอ เราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และเราจะกลับคืนสู่พระองค์ ในไม่ช้านี้บุตรีของท่านจะได้แจ้งข่าวแก่ท่าน ในสิ่งที่ประชาชาติของท่านได้สร้างสมและได้อธรรมต่อเธอ ท่านจงถามเรื่องราวต่างๆ จากเธอเถิด และเธอจะเล่าสิ่งเหล่านั้น ....”

     ปัจจุบันหลังจากกาลเวลาได้ผ่านพ้นไปเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน หลุมฝังศพของผู้เป็นหัวหน้าของมวลสตรีแห่งสากลโลกก็ยังคงถูกซ่อนเร้น และไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงสถานที่ฝังของท่าน บรรดามุสลิมกำลังเฝ้ารอคอยการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี (อ) ผู้ปลดปล่อยที่ยิ่งใหญ่แห่งพระผู้เป็นเจ้า และเป็นบุตรท่านที่ 11 ในท่ามกลางบรรดาอิมาม (อ) ที่สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) เพื่อที่ว่าท่านผู้นี้จะเป็นผู้เปิดเผยหลุมฝังศพที่ถูกซ่อนเร้นของมารดาของท่าน และจะทำให้ความอธรรมและการกดขี่ที่ปรากฏอยู่ทั่วทุกมุมโลกได้สิ้นสุดลง

     ความทุกข์ระทมที่เกิดจากการที่ท่านอำลาจากโลกนี้ไปประสบแก่สามีของท่าน ซึ่งเป็นผู้ร่วมชีวิตกับบิดาของท่านในการต่อสู้เสียสละและเป็นผู้ร่วมชีวิตของท่านด้วย

     ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะรออ์หลับตาของท่านลงอย่างสนิท หลังจากสั่งเสียสามีในเรื่องเกี่ยวกับลูกที่ยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ขณะเดียวกันก็สั่งเสียว่าให้ทำพิธีศพและฝังท่านอย่างลับที่สุด ไม่ให้คนภายนอกเข้ามาร่วมเด็ดขาด

    ฉะนั้น สุสานของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รออ์ จึงเป็นความลับอยู่จนกถึงทุกวันนี้ เท่ากับท่านทำเครื่องหมายคำถามอันยิ่งใหญ่ไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม

    ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะรออ์ ยังคงตั้งคำถามไว้ในประวัติศาสตร์ อันหมายความว่า ท่านยังเรียกร้องสิทธิของท่านอยู่ และบรรดามุสลิมก็ยังคงไต่ถามเกี่ยวกับที่ตั้งของสุสานที่ไม่มีใครรู้จักอยู่ตลอดมา


บทความ : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 185 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

26252483
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
3844
7990
29350
26182758
105189
177228
26252483

พฤ 19 มิ.ย. 2025 :: 07:59:34