ชาวเยเมนออกมารวมตัวกันบนท้องถนนในเมืองหลวงซานาและเมืองอื่น ๆ ทั่วประเทศอีกครั้งเพื่อย้ำการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่ตกอยู่ภายใต้การสังหารล้างเผ่าพันธุ์โดยระบอบการปกครองอิสราเอลในฉนวนกาซา
เมื่อวันศุกร์ (4 ก.ค.) ประชาชนเยเมนรวมตัวกันที่จัตุรัสอัลซาบีนในซานา ภายใต้คำขวัญว่า “ยืนหยัดเคียงข้างกาซา และเตรียมพร้อมและระดมกำลังต่อต้านการรุกราน”
ผู้ประท้วงถือธงเยเมนและปาเลสไตน์และตะโกนคำขวัญเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์และสนับสนุนปฏิบัติการตอบโต้ของประเทศต่อระบอบการปกครองอิสราเอล
การประท้วงที่คล้ายคลึงกันยังเกิดขึ้นในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วเยเมน รวมถึงดาเล อิบบ์ ซาอาดา ไตอิซซ์ และฮัจญะห์
แถลงการณ์ที่ออกโดยผู้จัดการประท้วงประณามการนิ่งเฉยของระบอบการปกครองอาหรับส่วนใหญ่เกี่ยวกับเหตุสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา รวมถึงการไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ของโลก ซึ่งพวกเขากล่าวว่า ทำให้ระบอบการปกครองเทลอาวีฟมีกำลังใจในการก่ออาชญากรรมต่อไป
แถลงการณ์ระบุ พร้อมเน้นย้ำว่า ภัยคุกคามจากอิสราเอลและอเมริกาจะไม่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว “ประชาชนเยเมน โดยผู้นำที่ชาญฉลาดจะไม่ถอยจากจุดยืนอันแน่วแน่ในการสนับสนุนฉนวนกาซาและปาเลสไตน์ทั้งหมด”
แถลงการณ์ดังกล่าวยังเรียกร้องให้ประเทศอาหรับและมุสลิมคว่ำบาตรสินค้าของอิสราเอลและอเมริกา โดยกล่าวว่า การคว่ำบาตรเป็น "อาวุธที่มีประสิทธิภาพและมีผลกระทบต่อทุกคนในฐานะจุดยืนขั้นต่ำสุด" ที่ควรนำมาใช้ ท่ามกลางอาชญากรรมของอิสราเอลในฉนวนกาซา
ชาวเยเมนได้จัดการประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศเป็นประจำเกือบทุกสัปดาห์ เพื่อประณามการกระทำอันโหดร้ายของอิสราเอลในฉนวนกาซา และเพื่อยืนยันการสนับสนุนปฏิบัติการตอบโต้ของประเทศของตนอีกครั้ง
นับตั้งแต่การเริ่มต้นของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 กองกำลังเยเมนได้ดำเนินการมากมายเพื่อสนับสนุนชาวกาซาที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม โดยโจมตีเป้าหมายต่าง ๆ ทั่วดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง นอกจากนี้ยังโจมตีเรือหรือเรือเดินทะเลของอิสราเอลที่กำลังมุ่งหน้าไปยังท่าเรือในดินแดนเหล่านั้นอีกด้วย
ระบอบการปกครองได้เปิดฉากสงครามหลังจากนักรบกองกำลังต่อต้านในฉนวนกาซาเปิดฉากปฏิบัติการพายุอัลอักซอแบบกะทันหันต่อกลุ่มไซออนิสต์ เพื่อตอบโต้การนองเลือดและการทำลายล้างชาวปาเลสไตน์ที่ระบอบการปกครองดำเนินการมานานหลายสิบปี
การโจมตีอย่างนองเลือดของรัฐบาลในฉนวนกาซาทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 57,268 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
ที่มา : สำนักข่าว เพรสทีวี
Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่