รายงานจากสื่ออิสราเอลระบุว่า ฮามาส ขบวนการต่อต้านของปาเลสไตน์ได้ปรับโครงสร้างการบังคับบัญชาใหม่และเปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรงโดยใช้ข้อมูลข่าวกรองใหม่ แม้ว่าอิสราเอลจะยังคงกดดันอย่างต่อเนื่องและปฏิบัติการทางทหารอย่างไม่ลดละเป็นเวลานานหลายเดือนในภูมิภาคที่ถูกปิดล้อมก็ตาม
สำนักข่าว Israeli Walla อ้างแหล่งข่าว รายงานว่า อิซซ์ อัล-ดิน อัล-ฮัดดาด ผู้บัญชาการกองทหารก็อซซาม ซึ่งเป็นกองกำลังทหารของกลุ่มฮามาส กำลังรวบรวมข้อมูลข่าวกรองที่แม่นยำเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกองกำลังอิสราเอลในหลายแนวรบในฉนวนกาซา
“ข่าวกรองนี้ทำให้กลุ่มปาเลสไตน์สามารถดำเนินการโจมตีแบบประสานงานได้ รวมถึงการซุ่มยิง การโจมตีด้วยขีปนาวุธต่อต้านรถถัง และการวางระเบิดในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่การยิงด้วยอาวุธเบาไปจนถึงการยิงด้วยปืนครก”
รายงานยังชี้ให้เห็นอีกว่า ฮามาสได้แต่งตั้งผู้บัญชาการภาคสนามใหม่สำเร็จแล้ว และยังคงรักษาสายการบังคับบัญชาที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติการกองโจรจากเมืองกาซาและค่ายกลางไปยังเขตการสู้รบสำคัญ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนต่อนโยบายปลุกปั่นสงครามของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู
นาดาฟ เอยัล นักเขียนคอลัมน์ชาวอิสราเอล ได้เขียนบทความวิจารณ์อย่างหนักแน่นใน Yedioth Ahronoth โดยอธิบายว่า สงครามในฉนวนกาซาเป็นกับดักมรณะที่เต็มไปด้วยความสูญเสียอย่างหนักหน่วงและการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างไม่สิ้นสุด
แม้ว่าวอชิงตันจะให้คำยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึง "การสนับสนุนอย่างจริงใจ" แต่นาดาฟ เอยัล กลับพูดเป็นนัยว่า ยังคงมีความสงสัยอย่างจริงจังเกี่ยวกับกลยุทธ์โดยรวมของอิสราเอลในฉนวนกาซา
นักวิเคราะห์ยังตั้งคำถามถึงประโยชน์ของการประชุมครั้งล่าสุดระหว่างเนทันยาฮูกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ในขณะที่ครอบครัวชาวอิสราเอลอีก 5 ครอบครัวกำลังโศกเศร้ากับการเสียชีวิตของลูกชายในฉนวนกาซา
เขาโต้แย้งว่า คำขวัญเช่น "ปลดอาวุธฮามาส" หรือ "ป้องกันไม่ให้ฮามาสปกครอง" ขาดสาระที่แท้จริง และการดำเนินการต่อคำขวัญเหล่านี้จะต้องอาศัย "การยึดครองทางทหารเต็มรูปแบบ" ในพื้นที่ที่ถูกปิดล้อม ซึ่งเขาอธิบายว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการผลักดันอิสราเอลให้เข้าสู่ "หล่มโคลนของเวียดนาม" ที่ไม่มีทางออก
เอยัลอธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่า สถานการณ์เช่นนี้ การยึดครองทางทหารเต็มรูปแบบ จะนำไปสู่ความเหนื่อยล้าไม่รู้จบและการนองเลือดอย่างต่อเนื่อง
เขายังท้าทายคำบอกเล่าของรัฐบาลอิสราเอล โดยระบุชัดเจนว่า “ฮามาสไม่ได้พ่ายแพ้”
โดยอ้างอิงข้อมูลทางทหาร เอยัลเปิดเผยว่า ทหารอิสราเอล 38 นาย เสียชีวิตตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ศักยภาพการสู้รบของกลุ่มฮามาสยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเป็นส่วนใหญ่
เขายังชี้ให้เห็นถึงการซุ่มโจมตีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งรวมถึงการโจมตีที่เบต ฮานูน (Beit Hanoun) ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ที่เคยประกาศว่า "ปลอดภัย"
ก่อนหน้านี้ พลตรี ยิตซัค บริก กองหนุนของอิสราเอล บอกกับหนังสือพิมพ์ Maariv ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาฮีบรูว่า กลุ่มฮามาสได้กลับมามีกำลังเท่าเดิมก่อนสงครามอีกครั้ง ซึ่งขัดแย้งกับคำบอกเล่าของกองทัพอิสราเอลเกี่ยวกับความก้าวหน้าในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกปิดล้อม
บริกกล่าวว่า สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับทหารอิสราเอลนั้น “น่าสะพรึงกลัว” เขายังชี้ให้เห็นอีกว่า ขณะนี้ฮามาสมีนักรบฝ่ายต่อต้านประมาณ 40,000 คน ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนก่อนที่อิสราเอลจะเริ่มรุกรานฉนวนกาซา
ฮามาสประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า "กลุ่มต่อต้านกำลังทำสงครามตอบโต้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พลเรือนของอิสราเอลอย่างไม่ลดละ โดยสร้างความประหลาดใจให้กับศัตรูด้วยยุทธวิธีภาคสนามใหม่ ๆ ทุกวัน"
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นักรบต่อต้านชาวปาเลสไตน์ได้สังหารและทำร้ายกองกำลังยึดครองของอิสราเอลหลายสิบนายในการซุ่มโจมตีหลายครั้ง ท่ามกลางการรุกรานที่เพิ่มมากขึ้นของรัฐบาลในพื้นที่ที่ถูกปิดล้อม
ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ปฏิบัติการต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่า กลุ่มต่อต้านยังคงแข็งแกร่งและมั่นคง แม้จะผ่านไปกว่า 20 เดือนนับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มโจมตีทางอากาศและทางบกในฉนวนกาซา
รามี อบู ซุบัยดะฮ์ นักวิเคราะห์ด้านการทหารชาวปาเลสไตน์ กล่าวว่า ปฏิบัติการต่อต้านล่าสุดต่อกองกำลังอิสราเอลที่รุกรานในฉนวนกาซา แสดงให้เห็นว่า ฮามาส "กำลังเปลี่ยนจากรูปแบบการป้องกันไปเป็นรูปแบบการโจมตีเชิงยุทธวิธี"
ฮามาสยังเน้นย้ำอีกว่า "ชัยชนะโดยเด็ดขาด" ที่เนทันยาฮูพูดถึงนั้นเป็นเพียงภาพลวงตาเพื่อทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเท่านั้น
ผู้สังเกตการณ์ยืนยันว่า อิสราเอลไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการทำสงครามอันโหดร้ายในฉนวนกาซาได้
ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซา มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากกว่า 57,700 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการทางทหารระหว่างสหรัฐฯ-อิสราเอลในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 137,600 ราย
ที่มา : สำนักข่าว เพรสทีวี
Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่