กองกำลังติดอาวุธของอิหร่านได้ดำเนินการขั้นที่ 14 ของปฏิบัติการ True Promise III เมื่อวันพฤหัสบดี ( 19 มิ.ย.) โดยยิงขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์และโดรนพลีชีพโจมตีดินแดนที่อิสราเอลยึดครอง
คลื่นสงครามระลอกใหม่ประกอบด้วยขีปนาวุธรุ่นใหม่และโดรนพลีชีพที่สามารถเจาะผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศหลายชั้นของอิสราเอลและโจมตีเป้าหมายในเทลอาวีฟ
แม้จะมีการเซ็นเซอร์อย่างกว้างขวาง แต่คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียกลับเผยให้เห็นผู้ตั้งถิ่นฐานที่ตื่นตระหนกวิ่งเข้าหาที่หลบภัยใต้ดิน ขณะที่เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นทั่วดินแดนที่ถูกยึดครอง
จากรายงานบางฉบับ พบว่า ขีปนาวุธพิสัยไกลอย่างน้อย 50 ลูก รวมถึงลูกที่ใช้ในปฏิบัติการ True Promise III เป็นครั้งแรก พบเห็นในน่านฟ้าเหนือดินแดนที่ยึดครอง
รัฐบาลในกรุงเทลอาวีฟได้สั่งห้ามการเผยแพร่รายงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียชีวิตหรือความเสียหายที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มีรายงานบางฉบับระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตในวันพฤหัสบดี สูงกว่า 50 ราย
อาคารหลายแห่งที่เป็นของระบอบการปกครองอิสราเอล รวมถึงกองทหารและหน่วยข่าวกรอง ถูกโจมตีในระลอกล่าสุด พิสูจน์ให้เห็นว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ได้รับการโฆษณาเกินจริงนั้นไม่มีประสิทธิภาพอะไรเพิ่มมากขึ้น
ในแถลงการณ์ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ระบุว่า ขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์และโดรนพลีชีพถูกนำมาใช้ควบคู่กันในปฏิบัติการวันพฤหัสบดี โดยมุ่งเป้าไปที่ศูนย์บัญชาการและข่าวกรองที่สำคัญของกองทัพอิสราเอล ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเป็นหลัก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรง
แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า ความฉลาดและพลังความแม่นยำสูงของขีปนาวุธที่เป็นของกองกำลังติดอาวุธอิหร่านนั้น เป็นสิ่งที่คนทั้งโลกได้เห็นแล้ว พร้อมทั้งระบุว่า ดินแดนที่ยึดครองทั้งหมดได้กลายเป็นป้อมปราการทางทหารไปแล้ว
IRGC ยังกล่าวอีกว่า กองทัพอิสราเอลได้อพยพฐานทัพและหลบภัยในพื้นที่พลเรือน และติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศและระบบยิงขีปนาวุธที่ไม่มีประสิทธิภาพไว้ในเขตเมือง
นอกจากนั้นยังได้เตือนผู้ตั้งถิ่นฐานซ้ำอีกว่า ท้องฟ้าเหนือดินแดนที่ยึดครองยังคงไม่สามารถป้องกันตนเองได้ และระบอบการปกครองไม่สามารถทนต่อการโจมตีทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ได้อีกต่อไป
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กองทัพอิหร่านได้ใช้ยุทธวิธีที่สร้างสรรค์ใหม่ ๆ เพื่อเอาชนะและหลบเลี่ยงระบบสกัดกั้นขีปนาวุธของอิสราเอลที่สหรัฐฯ จัดหาให้ และประสบความสำเร็จอย่างมาก
รายงานจากหนังสือพิมพ์ Yedioth Ahronoth ของอิสราเอลเมื่อวันอังคาร ระบุว่า ระลอกล่าสุดของปฏิบัติการตอบโต้ของอิหร่านนั้น "ผิดปกติ" ทำให้รัฐบาลไม่ทันตั้งตัว
ขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่กองทัพอิหร่านนำมาใช้ในปฏิบัติการ True Promise III ได้แก่ ไคเบอร์-เชคาน ฟัตตาห์ และซิจญีล โดยซิจญีล ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) เตือนผู้ตั้งถิ่นฐานในดินแดนที่ยึดครองว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของระบอบการปกครองได้ลดน้อยลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากการโจมตีตอบโต้ของอิหร่านที่ประสบความสำเร็จหลายครั้ง และขณะนี้ น่านฟ้าเหนือดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองถูกควบคุมโดยขีปนาวุธและโดรนของอิหร่านทั้งหมดแล้ว
แถลงการณ์ดังกล่าวยังเตือนผู้ตั้งถิ่นฐานอีกว่า พวกเขาจะต้องเลือกระหว่างความตายช้า ๆ ในบังเกอร์ใต้ดินหรือกลับไปยังประเทศที่บรรพบุรุษของพวกเขามา
ปฏิบัติการตอบโต้ของอิหร่านเป็นการตอบโต้การรุกรานโดยไม่ได้รับการยั่วยุของอิสราเอลซึ่งเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ผู้บัญชาการทหารระดับสูง นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ และพลเรือนหลายคน รวมทั้งเด็กและสตรี ถูกลอบสังหาร
ในแถลงการณ์ผ่านวิดีโอเมื่อวันพุธ อายาตุลลอฮ์ ซัยยิด อาลี คอเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน กล่าวว่า ชาติอิหร่านจะ “ยืนหยัดอย่างมั่นคง” ต่อต้านสงครามที่ถูกบังคับ และจะไม่ยอมจำนนต่อ “การบังคับในรูปแบบใด ๆ” อย่างแน่นอน
เมื่อวันอังคาร พลเอก ซัยยิด อับดุลราฮิม มูซาวี เสนาธิการกองทัพอิหร่าน กล่าวว่าปฏิบัติการที่ดำเนินการมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ถือเป็นการเตือนเพื่อยับยั้ง และปฏิบัติการลงโทษที่แท้จริงจะถูกดำเนินการในเร็ว ๆ นี้
“ชาติอิหร่านอันยิ่งใหญ่นี้ไม่เคยยอมแพ้ต่อการรุกรานใด ๆ อย่างที่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็น และถึงแม้เขาจะยืนหยัดต่อต้านการกระทำอันโหดร้ายนี้ แต่ระบอบการปกครองไซออนิสต์ก็จะต้องชดใช้ความผิดที่ก่อขึ้น”
ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี
Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่