สื่อสหรัฐฯ เผยเยเมนไม่หวั่นไหวต่อการรุกรานของสหรัฐฯ และขู่จะขยายขอบเขตการตอบโต้
สื่อสหรัฐฯ เผยเยเมนไม่หวั่นไหวต่อการรุกรานของสหรัฐฯ และขู่จะขยายขอบเขตการตอบโต้

รายงานระบุว่า การรณรงค์โจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ที่ใช้งบประมาณมหาศาลต่อกองทัพเยเมนนั้น ไม่สามารถหยุดยั้งประเทศเยเมนได้ ซึ่งขณะเดียวกันเยเมนกลับข่มขู่ว่าจะขยายขอบเขตการโจมตีตอบโต้การรุกรานของสหรัฐฯ

    เมื่อวันอาทิตย์ (6 เม.ย.) CNN รายงานข่าวดังกล่าวโดยระบุว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้โจมตีทางอากาศทั่วประเทศเยเมนมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม

    การโจมตีดังกล่าวซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าทึ่งจากการที่สหรัฐฯ รุกรานประเทศดังกล่าวเพื่อสนับสนุนระบอบการปกครองอิสราเอล เริ่มขึ้นหลังจากที่ซานากลับมาใช้มาตรการห้ามเรือของอิสราเอลและเรือที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลแล่นผ่านเส้นทางน้ำสำคัญอีกครั้ง การห้ามครั้งหลังนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ระบอบการปกครองอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง และสกัดกั้นไม่ให้มีการนำเสบียงสำคัญเข้าสู่ดินแดนปาเลสไตน์ได้สำเร็จ

    ก่อนหน้านี้ ผู้ประกาศข่าวของสหรัฐฯ ได้รายงานว่า ต้นทุนการปฏิบัติการของอเมริกาสูงถึงเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ โดยอ้างคำพูดของบุคคล 3 คน ที่ได้รับข้อมูลสรุปเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีรุกรานเยเมน

    สำนักข่าวดังกล่าวยังได้ระบุด้วยว่า แม้การโจมตีครั้งนี้จะต้องใช้ความเข้มข้นทางการเงินและด้านโลจิสติกส์ แต่การโจมตีทางอากาศกลับมี "ผลกระทบเพียงจำกัด" ต่อการลดทอนความแข็งแกร่งในการปฏิบัติการของกองกำลังเยเมน

    รายงานดังกล่าวอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งในรายงานเมื่อวันอาทิตย์ ว่า “เรากำลังเร่งมือในการเตรียมความพร้อม ทั้งอาวุธ เชื้อเพลิง และระยะเวลาในการเคลื่อนพล”

    สำนักข่าวดังกล่าวระบุว่า แม้จะมีการโจมตีอย่างหนัก แต่กองกำลังก็ยังเพิ่มการตอบโต้มากขึ้น

    ตามที่รายงานระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม พวกเขา (เยเมน) ได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลหลายลูกไปที่ดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง และโจมตีทรัพยากรทางทะเลของสหรัฐฯ ในทะเลแดงโดยใช้โดรนและขีปนาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    แม้ว่าการโจมตีเหล่านี้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายทางกายภาพที่รุนแรง แต่ก็สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ

    ตามรายงานของ CNN เจ้าหน้าที่สหรัฐอ้างว่า ผู้บัญชาการระดับกลางของเยเมนหลายคนถูกสังหาร ซึ่งซานาปฏิเสธข้อกล่าวอ้างดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ข่าวกรองระบุว่า ผู้นำระดับสูงของประเทศในคาบสมุทรอาหรับแห่งนี้ยังคงไม่บุบสลาย และโครงสร้างพื้นฐานทางทหารส่วนใหญ่ของประเทศ รวมถึงระบบยิงขีปนาวุธที่สำคัญ ยังคงใช้งานได้อยู่

    นอกจากนี้ ผู้ประกาศข่าวยังรายงานอีกว่า กองกำลังเยเมนไม่เพียงแต่ไม่สามารถหยุดยั้งได้เท่านั้น แต่ยังขู่ว่า จะโจมตีตอบโต้โดยเพิ่มเป้าหมายอื่น ๆ อีกด้วย

โฆษกของขบวนการต่อต้านอันซอรุลลอฮ์ในเยเมนกล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้เช่นกันว่า “การโจมตีทางอากาศหลายสิบครั้งในเยเมนจะไม่สามารถหยุดยั้งกองทัพเยเมนจากการปฏิบัติหน้าที่ทางศาสนา ศีลธรรม และมนุษยธรรมได้”

    รายงานระบุว่า นับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 เมื่อระบอบการปกครองอิสราเอลเปิดฉากสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา ทหารเยเมนได้ดำเนินการมากกว่า 100 ครั้ง ต่อเป้าหมายของอิสราเอลและที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลในภูมิภาคทะเลแดง ซึ่งรวมถึงโดยจมเรือ 2 ลำด้วย

    อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของอันซอรุลลอฮ์ ระบุว่า จำนวนปฏิบัติการสูงกว่านี้มาก

    การโจมตีตอบโต้ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อเศรษฐกิจของระบอบการปกครองเทลอาวีฟโดยทำให้เรือที่มุ่งหน้าไปยังดินแดนที่ยึดครองต้องแล่นอ้อมไปทางตอนใต้ของแอฟริกา และทำให้ราคาสินค้าต่าง ๆ ที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายบริโภคเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    CNN ยังได้อ้างคำพูดของผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ และในภูมิภาคซึ่งกล่าวว่า การรุกรานของสหรัฐฯ ไม่น่าจะประสบความสำเร็จ

'การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น'

    ผู้เชี่ยวชาญยังบอกกับ CNN ด้วยว่า ในขณะที่การโจมตีของสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป ต้นทุนที่สูง ผลลัพธ์ที่จำกัด และผลกระทบที่เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาค ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเป้าหมายสุดท้ายของวอชิงตัน และว่าแรงกดดันทางทหารของวอชิงตันจะสามารถบรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่สงครามในช่วงทศวรรษไม่สามารถทำได้หรือไม่

    เอลิซาเบธ เคนดัลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการเยเมน กล่าวว่า พลังทางอากาศเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะยับยั้งซานาได้ เธอกล่าวว่า ประเทศนี้ “ถูกทิ้งระเบิดไปแล้วหลายหมื่นครั้งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และยังคงไม่หวั่นไหว”

    เธอกล่าวเสริมว่า “ดังนั้น เราจึงคิดว่าการทิ้งระเบิดเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น เรามาแสดงให้โลกเห็นว่า เราจะทำเพราะเราทำได้”

    อะฮ์มัด นากี นักวิเคราะห์จาก International Crisis Group ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยในเบลเยียม เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว โดยเขาให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า ความเชื่อที่ว่า การโจมตีทางอากาศจะทำให้เยเมนต้องถอยทัพนั้นเป็นการคำนวณที่ผิดพลาด และเสริมว่า “แนวทางนี้ล้มเหลวภายใต้การบริหารของ [โจ] ไบเดน และไม่น่าจะประสบความสำเร็จภายใต้การบริหารของ [โดนัลด์] ทรัมป์”

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองกำลังต่อต้านของเยเมนได้พิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงความแข็งแกร่งเมื่อต้องเผชิญกับอำนาจการโจมตีทางทหารที่เหนือกว่า

    รายงานดังกล่าวยังระบุว่า ประเทศนี้รอดพ้นจากการรุกรานจากต่างชาติมาหลายครั้ง รวมถึงจากกองกำลังผสมที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ระบอบการปกครองอิสราเอล สหรัฐ และสหราชอาณาจักร

    นักวิเคราะห์กล่าวว่า ศักยภาพทางเทคนิคที่เพิ่มขึ้นของประเทศ รวมถึงการใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและเครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตใน UAV (อากาศยานไร้คนขับ) ช่วยเพิ่มระยะและน้ำหนักบรรทุกของโดรนได้ ทำให้มีพลังยับยั้งเพิ่มมากขึ้น

    ไมเคิล ไนทส์ นักวิจัยจาก Washington Institute บอกกับ CNN ว่า นักรบชนเผ่าของกลุ่มนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งมากและมีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ “พวกเขาคุ้นเคยกับการทำสงครามกับกองทัพอับดับหนึ่งของโลก”

    ฟาเรีย อัล-มุสลิมี นักวิเคราะห์ชาวเยเมนจากสถาบันวิจัย Chatham House ของอังกฤษ กล่าวว่า การโจมตีของสหรัฐฯ อาจส่งผลโดยตรงต่อยุทธศาสตร์ของซานา

    ชาวเยเมน “กำลังภาวนาให้เกิดสงครามกับสหรัฐฯ” เขากล่าว และตั้งข้อสังเกตว่า “นี่ทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะขยายสนามรบและลากสหรัฐฯ เข้าสู่ความรุนแรงระดับภูมิภาคที่เพิ่มมากขึ้น”


ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี

Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 245 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

26251845
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
3206
7990
28712
26182758
104551
177228
26251845

พฤ 19 มิ.ย. 2025 :: 06:51:21