สัญญาณแห่งความหวังความสัมพันธ์อิหร่าน-แอฟริกา เตหะรานเป็นเจ้าภาพการประชุมร่วมมือทางเศรษฐกิจครั้งที่สาม
สัญญาณแห่งความหวังความสัมพันธ์อิหร่าน-แอฟริกา เตหะรานเป็นเจ้าภาพการประชุมร่วมมือทางเศรษฐกิจครั้งที่สาม

อิหร่านเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้ค้ามากกว่า 700 ราย จาก 38 ประเทศในแอฟริกาในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิหร่าน-แอฟริกาครั้งที่ 3 ในกรุงเตหะรานและอิสฟาฮาน โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์

    คณะผู้เชี่ยวชาญระดับรัฐมนตรีจำนวน 4 คณะ จะจัดขึ้นใน 4 ด้าน ได้แก่ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมแร่และโลหะ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร และสุขภาพและการแพทย์

    เมื่อวันจันทร์ (28 เม.ย.) ผู้แทนได้เยี่ยมชมงาน Iran Expo ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ก่อนที่จะเข้าร่วมคณะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและมุ่งหน้าไปยังเมืองอิสฟาฮานในวันอังคาร (29 เม.ย.) เพื่อเข้าร่วมการประชุมเฉพาะด้านและเยี่ยมชมศูนย์อุตสาหกรรมและโรงงานมากกว่า 10 แห่งภายในอิสฟาฮาน

    นับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามในปี พ.ศ. 2522 แอฟริกาเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ได้รับการยกย่องเป็นพิเศษในนโยบายต่างประเทศของอิหร่าน โดยความสัมพันธ์ทางการเมือง วัฒนธรรม และเศรษฐกิจกับประเทศในแอฟริกาถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ

    ในความเป็นจริง การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ด้วยจิตวิญญาณแห่งการแสวงหาเสรีภาพ ความเป็นอิสระ และการต่อต้านลัทธิล่าอาณานิคม ได้ดึงดูดความสนใจของชาวแอฟริกันได้อย่างรวดเร็ว และได้รับการยอมรับอันสูงส่งในหมู่ประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกา

    ดังนั้น ระดับความร่วมมือกับประเทศในแอฟริกาจึงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และปัจจุบันมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการเมืองกับทุกประเทศในทวีป

    ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอิหร่านและแอฟริกาถือเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับการพัฒนาความร่วมมือระหว่างอิหร่านกับทวีปแอฟริกาอย่างเป็นระบบ ในขณะเดียวกัน ทวีปแอฟริกายังเป็นโอกาสพิเศษสำหรับประเทศกำลังพัฒนาในการค้าขายด้วย

    ทวีปแอฟริกาเป็นการรวมตัวของประเทศกำลังพัฒนาที่มีความก้าวหน้าและการพัฒนาในระดับต่าง ๆ นอกจากความสามารถทางการเมืองและวัฒนธรรมที่น่าประทับใจแล้ว ทวีปนี้ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ทรัพยากรทางการเกษตร ศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคมที่อุดมสมบูรณ์ ตลาดที่กว้างใหญ่และยังไม่ได้รับการพัฒนา และแรงงานราคาถูก

    แอฟริกาเป็นแหล่งสำรองน้ำมัน ก๊าซ และแร่ธาตุธรรมชาติอื่น ๆ มากมาย เช่น โคบอลต์ ทองคำ และเพชร นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการผลิตทางอุตสาหกรรม เช่น น้ำมันปาล์ม โกโก้ ชา กาแฟ และวานิลลา

    ส่งผลให้ทวีปใหญ่แห่งนี้เป็นที่สนใจของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจตะวันตกเป็นอย่างยิ่ง และเป็นเป้าหมายของแผนระยะกลางและระยะยาวของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจขนาดกลาง เช่น จีน อินเดีย บราซิล และแอฟริกาใต้

    ในแนวทางเดียวกัน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านมีนโยบายต่างประเทศบนการขยายความสัมพันธ์กับประเทศในแอฟริกา

    ทวีปแอฟริกามีความมุ่งเน้นอย่างแข็งแกร่งต่อการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และกำลังก้าวไปในทิศทางนี้อย่างรวดเร็ว โดยเปิดพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์สำหรับศักยภาพการผลิตของเศรษฐกิจอิหร่าน

    กล่าวอีกนัยหนึ่ง สินค้าและบริการที่อิหร่านสามารถเสนอให้กับประเทศในแอฟริกาได้นั้นมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตกและแม้แต่คู่แข่งบางรายในภาคตะวันออกด้วยซ้ำ

    อิหร่านสามารถช่วยเหลือประเทศในแอฟริกาในการนำเข้าสินค้า บริการ และแรงงานที่มีทักษะ เพื่อเอาชนะความล้าหลังทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ อิหร่านยังสามารถมีบทบาทในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและบรรลุความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันกับประเทศในแอฟริกาผ่านการลงทุนที่มุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและความร่วมมือทางยุทธศาสตร์

    ในทางกลับกัน ทวีปแอฟริกาสามารถสร้างโอกาสมากมายให้กับอิหร่านในภาคการผลิต เนื่องจากมีวัตถุดิบหลักที่ไม่มีวันหมดซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการในภาคอุตสาหกรรมของอิหร่านได้เป็นส่วนใหญ่

    ตัวอย่างเช่น อิหร่านมีโครงการที่ดำเนินการมาอย่างยาวนานในกินี เพื่อจัดหาสินแร่อะลูมิเนียม (Bauxite) ในขณะที่ประเทศกำลังเร่งผลิตอะลูมิเนียม อิหร่านต้องการสินแร่อะลูมิเนียมบ็อกไซต์เนื่องจากอิหร่านไม่มีบ็อกไซต์เพียงพอ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อิหร่านต้องการซื้อบ็อกไซต์จากแอฟริกาด้วย

    ขณะเดียวกัน ทวีปแอฟริกามีประชากรมากกว่าหนึ่งพันล้านคน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 พันล้านคนภายในปี 2593 ซึ่งทำให้เป็นตลาดที่ยอดเยี่ยมสำหรับการส่งออกสินค้าและบริการจากอิหร่าน

    ประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกาหลายแห่งมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งเปิดโอกาสในการส่งออกสินค้า บริการ และการลงทุนจากต่างประเทศ การขยายปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับทวีปแอฟริกาสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดใหม่ของประเทศต่าง ๆ ได้

    ภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก โดยเฉพาะเคนยาและแทนซาเนีย มีความสำคัญทางภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์อย่างยิ่งต่ออิหร่าน ไม่เพียงแต่เป็นประตูสู่การส่งออกและนำเข้าทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นเสาหลักทางยุทธศาสตร์ในการขยายอิทธิพลของอิหร่านในส่วนอื่น ๆ ของแอฟริกาอีกด้วย  

    ปัจจุบัน การค้าระหว่างอิหร่านกับแอฟริกาซึ่งมีมูลค่าราว 800 ล้านดอลลาร์คิดเป็นเพียง 3% ของการส่งออกของประเทศ และ 1% ของการนำเข้า แผนงานในทันทีคือการเพิ่มมูลค่าการแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ ความรู้ทางเทคนิค และห่วงโซ่มูลค่าเป็น 10,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี  

    อิหร่านมีข้อได้เปรียบด้านการส่งออกหลายประการสำหรับแอฟริกา โดยสามารถตอบสนองความต้องการนำเข้าของทวีปแอฟริกาด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตกและบางครั้งก็รวมถึงจีนด้วย มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นโอกาสให้ประเทศในแอฟริกาได้รับแรงจูงใจและเงื่อนไขที่ดีในรูปแบบของวิธีการชำระเงิน

    ดังนั้น ในแง่ของต้นทุนและเงื่อนไขการชำระเงิน อิหร่านจึงมีข้อได้เปรียบต่อชาวแอฟริกันที่สามารถกระจายพอร์ตการส่งออกของอิหร่านและจัดหาแหล่งแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สำคัญสำหรับประเทศได้

    อิหร่านสามารถมีบทบาทในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างความมั่งคั่งร่วมกันกับประเทศในแอฟริกาผ่านการลงทุนที่มุ่งเป้าหมายในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและความร่วมมือทางยุทธศาสตร์

    การมีส่วนร่วมของรัฐมนตรี 17 ราย หัวหน้าหอการค้า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง และนักธุรกิจราว 400 รายจากประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกาในการประชุมสุดยอดอิหร่าน-แอฟริกา ครั้งที่ 3 บ่งชี้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและแอฟริกากำลังค่อย ๆ อบอุ่นขึ้น และทั้งสองฝ่ายมีแรงจูงใจมากขึ้นกว่าเดิมที่จะร่วมมือกันอย่างจริงจัง

    อย่างไรก็ตาม การประชุมสุดยอดครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวไกล ซึ่งต้องอาศัยการกำหนดเส้นทางใหม่ที่เน้นที่โครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ การทูตการค้าที่กระตือรือร้น และการเปลี่ยนการคว่ำบาตรให้เป็นโอกาสด้วยความคิดสร้างสรรค์


ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี

Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 126 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

26250856
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
2217
7990
27723
26182758
103562
177228
26250856

พฤ 19 มิ.ย. 2025 :: 04:30:42