ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมกลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้งทันที ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่สร้างความกังวลให้กับผู้สนับสนุนการปลดอาวุธและผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระดับโลก
เมื่อวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) ทรัมป์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา โดยระบุว่า เขาได้ออกคำสั่งดังกล่าว "เนื่องจากประเทศอื่นกำลังทดสอบโปรแกรมอาวุธนิวเคลียร์"
เขากล่าวเสริมว่า “กระบวนการนั้นจะเริ่มขึ้นทันที”
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงรัสเซียและจีนว่า เป็นมหาอำนาจด้านอาวุธนิวเคลียร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองและสามของโลก ตามลำดับ โดยกล่าวหาว่า หากวอชิงตันไม่กลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง ประเทศทั้งสองจะตามทัน "ภายในห้าปี"
คาดว่ากระบวนการทดสอบจะให้ข้อมูลว่า หัวรบนิวเคลียร์รุ่นใหม่ทำงานอย่างไร และคลังอาวุธเก่ายังคงเชื่อถือได้หรือไม่
คำพูดของทรัมป์ถือเป็นการเรียกร้องโดยตรงที่สุดจากสหรัฐฯ ให้ทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้ง นับตั้งแต่ที่วอชิงตันทำการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งสุดท้ายในปี 1992
นักวิจารณ์เตือนว่า การฟื้นการทดสอบจริงอาจทำลายความพยายามอันยากลำบากในการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ที่ดำเนินมายาวนานหลายทศวรรษ และเปิดโอกาสให้เกิดการทดสอบตอบโต้หลายครั้งทั่วโลก ซึ่งจะกัดกร่อนสนธิสัญญาห้ามทดสอบอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (CTBT)
สหรัฐอเมริกาเปิดยุคนิวเคลียร์ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2488 ด้วยการจุดชนวนระเบิดขนาด 20 กิโลตันที่เมืองอะลามากอร์โด รัฐนิวเม็กซิโก และอีกหลายสัปดาห์ต่อมาก็หันมาใช้การทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิแทน
ภัยพิบัติครั้งหลังนี้ทำให้ชื่อของวอชิงตันถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะพรรคการเมืองเดียวในโลกที่เคยใช้อาวุธที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า การกระทำของทรัมป์เมื่อวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) อาจทำลายความพยายามของผู้นำโลกหลายชั่วอายุคนที่ต้องการให้แน่ใจว่าโศกนาฏกรรมจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก
พวกเขายังเตือนเกี่ยวกับความพยายามที่อาจเกิดขึ้นของระบอบการปกครองอิสราเอล ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันตกและเป็นเจ้าของอาวุธนิวเคลียร์เพียงรายเดียวในภูมิภาค เพื่อพยายามหาเหตุผลในการเสริมคลังอาวุธนิวเคลียร์อันอันตรายของตนเพิ่มเติมโดยใช้ความรู้ที่วอชิงตันจะได้รับจากการทดสอบ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวอ้างว่าเขา “ไม่เต็มใจ” ที่จะออกคำสั่งดังกล่าว “เพราะอำนาจทำลายล้างมหาศาล” แต่ “ไม่มีทางเลือก!” เพราะเขาประกาศด้วยความกังวลว่า มหาอำนาจอาวุธนิวเคลียร์อื่น ๆ จะตามทันวอชิงตัน
ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี
Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่